ปวดหัว..ปวดหัว  

โรคปวดศีรษะส่วนมากมักเป็นโรคง่ายๆ คือปวดศีรษะจากความเครียด หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า tension headache พวกนี้ อาการที่สำคัญคือ มักจะเริ่มปวดตอนสายๆ เนื่องจากเราจะได้รับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์

ปวดหัว..ปวดหัว  

นายแพทย์กษิดิษ ศรีสง่า

ในช่วงเวลานี้พวกเราคนไทยหลายๆ ท่านคงรู้สึกตื่นเต้น วิตกกังวล นอนไม่หลับไปกับสถานการณ์บ้านเมืองของเรา ที่กำลังปั่นป่วนอยู่  บางท่านอาจจะถึงกับมีอาการเครียดปวดหัวตัวร้อนไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้น วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับเรื่อง โรคปวดหัวดู เพื่อจะได้รู้ว่า ปวดหัวจากสถานการณ์บ้านเมือง หรือปวดหัวจากเรื่องอื่น เพื่อที่จะได้แก้ไขได้ทัน

 ความจริง อาการปวดหัว หรือปวดศีรษะนั้น ไม่ใช่โรค คือ มันไม่ใช่เป็นจากเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ  หรือว่า มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายเป็นแบบหนึ่งแบบใดโดยเฉพาะ แต่มันเป็นเพียงอาการของโรค หลายๆ โรคแตกต่างกัน ซึ่งแต่ละโรคนั้นก็จะวินิจฉัยได้ไม่เหมือนกัน  รักษาก็ไม่เหมือนกัน  ดังนั้น ถ้าแพทย์ท่านใดพบผู้ป่วยที่มาด้วยโรคปวดศีรษะ และรักษาเท่าใดก็ไม่หาย ผลสุดท้ายแพทย์ท่านนั้นก็คงจะต้องรู้สึกปวดศีรษะแทนไม่มากก็น้อย เรียกได้ว่าอ่วมไปด้วยกันทั้งคนไข้ และทั้งหมอผู้รักษา ที่เราใช้คำว่าโรค ก็จะให้ดูเป็นแบบชาวบ้านๆ เรียกกันแบบง่ายๆ แต่ทั้งนี้ ต้องให้เข้าใจว่า มันไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการแสดงของโรคใดโรคหนึ่งเพียงเท่านั้นเอง และแพทย์ผู้รักษาต้องเป็นผู้ที่วินิจฉัยออกมาให้ได้ว่า อาการปวดศีรษะนั้น เกิดจากโรคใดกันแน่จึงจะสามารถรักษาได้ถูกต้อง เพื่อจะได้ไม่ต้องไปปวดหัวร่วมกับคนไข้ไปด้วย

โดยมากแล้ว โรคปวดศีรษะส่วนมากมักเป็นโรคง่ายๆ คือปวดศีรษะจากความเครียด หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า tension headache พวกนี้ อาการที่สำคัญคือ มักจะเริ่มปวดตอนสายๆ เนื่องจากเราจะได้รับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาแล้วแก้ไขไม่ได้ กล้ามเนื้อต่างๆ ตามร่างกายก็จะหดเกร็งตัวขึ้น โดยเฉพาะที่บริเวณศีรษะ เราจึงรู้สึกปวด และเรียกมันว่า “ปวดศีรษะ” โดยมากมักปวดที่บริเวณขมับทั้งสองข้างหรือท้ายทอย เมื่อเราเอามือมากดๆ นวดๆ บริเวณที่ปวด จะรู้สึกผ่อนคลายสบายขึ้น เพราะนั่นคือการทำให้กล้ามเนื้อได้ยืดออก อาการปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อเกร็งตัวจึงลดลง ดังนั้น การนวดศีรษะจึงเป็นทั้งการวินิจฉัย และการรักษาไปด้วยในตัว ถ้ายังไม่หาย หรือยังไม่ดีขึ้น อาจจะใช้การประคบด้วยของอุ่นๆ ที่รอบๆ ศีรษะ หรือตามด้วยยาแก้ปวดเช่นพาราฯ ก็ได้   แต่บางครั้ง ถ้าเครียดมากๆ เช่นเพิ่งกลับจากประชุมคณะกรรมการต่างๆ หรือดูข่าวการเมืองมากไป เชียร์สีใดสีหนึ่งมากไป ฯลฯ อย่างนี้ บางทีวิธีที่กล่าวมาแล้วมักจะเอาไม่อยู่ ก็คงต้องใช้ยาคลายกล้ามเนื้อรับประทานร่วมไปด้วย  หรืออาจจะต้องเพิ่มยาคลายเครียดเข้าไปด้วยก็ได้ แต่ยาคลายเครียด จัดเป็นยาที่ต้องห้าม ต้องแพทย์สั่งเท่านั้น จึงมักจะเลี่ยงเป็นยาแก้แพ้ชนิดคลอเฟนิรามินแทน ซึ่งมีคุณสมบัติข้างเคียงคือทำให้ง่วงนอน นำมากินร่วมกันแล้วนอนให้หลับ  ส่วนมากก็จะดีขึ้นเอง

สิ่งสำคัญที่จะทำให้ไม่กลับมาเป็นอีกก็คือ ต้องแก้ที่สาเหตุ ถ้าเป็นจากการรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ดี และเราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลข่าวสารนั้นได้ก็ควรหยุดการรับข้อมูลข่าวสารนั้นๆเสีย ก็จะเป็นการดีที่สุด

ข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ปวดศีรษะแบบนี้ มักไม่มีไข้ ไม่มีความดันสูงร่วมด้วย เพราะถ้าหากมีไข้ การปวดหัวก็น่าจะมากจากอาการไข้นั้น ก็ต้องรักษาไข้นั้น ไปตามสาเหตุ หรือถ้ามีความดันสูงร่วมด้วย ก็ต้องคิดเสมอว่าน่าจะมาจากความดันสูง ก็ต้องรักษาความดันให้ลดลงก่อน เพราะอาการที่มีร่วมนั้นเป็นอาการที่สำคัญกว่าตัวอาการปวดหัวเอง อาการปวดหัวจากความดันสูงมักปวดตื้อๆ แน่นๆ ที่หัว เหมือนหัวจะระเบิด บางครั้งจะมีอาการอาเจียนพุ่ง โดยไม่มีคลื่นไส้มาก่อน อย่างนี้ถือว่าความดันในสมองกำลังขึ้นสูงมาก ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

อาการปวดหัวอีกชนิดหนึ่งที่มีอาการคล้ายกับปวดหัวที่เกิดจากความดันสูง ก็คือ อาการปวดหัวจากมีก้อนเนื้องอกในศีรษะ ลักษณะการปวดจะเป็นเช่นเดียวกัน แต่จะปวดตอนตื่นนอนเช้าๆ และปวดติดต่อกันเป็นอาทิตย์ๆ เป็นเดือนๆ อาการเช่นนี้ ไม่ควรรอเป็นเดือนๆ แต่ต้องรีบไปพบแพทย์เสียตั้งแต่อาทิตย์แรกๆเลยจะดีที่สุด

ผู้ที่ติดชากาแฟ เวลาเริ่มถือศีลอดในเดือนรอมดอนในสองสามวันแรก มักจะมีอาการปวดหัวคล้ายกับความดันในสมองสูงเช่นกัน เกิดจากการขาดคาเฟอีนที่เคยทำให้เส้นเลือดตีบ เมื่อขาดไปเส้นเลือดจะขยายตัวมากขึ้น กินที่มากขึ้น ความดันในสมองจึงเพิ่มขึ้น พวกนี้ พอได้ดื่มกาแฟสักแก้วก็จะหายไปเอง หรือถ้าทนเอาสัก สองสามวัน ก็หายไปได้เช่นกัน

อาการปวดหัวที่ไม่เข้ากับกลุ่มใดๆ และผู้ป่วยอธิบายไม่ถูก ไม่เหมือนกันสักครั้ง ตรวจอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรปกติ อาจจะเป็นโรคอ้อน มักพบในเด็ก หรือคนวัยทำงาน ในวันจันทร์ซึ่งเป็นวันเริ่มเรียนเริ่มทำงาน พอวันศุกร์จะอาการดีขึ้น และเสาร์อาทิตย์จะหายเป็นปลิดทิ้ง พวกนี้ ต้องแก้โดยการไม่สนใจอาการปวดหัวนั้น ผู้ป่วยก็จะเลิกปวดไปเอง แต่ต้องระวังว่าไม่ใช่ทุกหนจะเป็นเช่นนั้น เพราะบางครั้งอาจจะเป็นเรื่องจริง และกลายเป็นโรคร้ายแรงได้  ดังนั้นแม้ภายนอกจะไม่ใส่ใจแต่ในใจก็ยังต้องคอยลอบสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงไว้เสมอ ถ้าสงสัยไม่แน่ใจก็คงต้องไปพบแพทย์ไว้ก่อนจะปลอดภัยกว่า

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆ ท่านก็คงจะหายปวดหัวไปได้มากแล้ว ก็อยากจะฝากหะดีษท่านศาสดา มูฮัมมัด (ซ็อลฯ) ไว้สักบทหนึ่งว่า

“จงอยู่ในโลกนี้ เสมือนหนึ่งท่านเป็นเพียงคนแปลกหน้า หรือผู้เดินทางผ่าน”

ดังนั้น อย่ายึดติดกับความเป็นไปของโลกนี้ให้มากนัก อย่าพยายามไปบังคับให้ทุกสิ่งในโลกเป็นไปตามที่เราคิด  แต่จงทำเพียงเฝ้าดูความเป็นไป และปล่อยภาระหน้าที่ต่างๆ ในการดำเนินงานให้อยู่ในอุ้งหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านจะหายปวดหัวจากความเครียดได้ตลอดไป อินชาอัลลอฮ์

สุขสาระ มิถุนายน 2553

Tags : all โรค สุขภาพ พบหมอ

แก้ไขล่าสุด : 5 มี.ค. 2562, เวลา 23:41


บทความอื่นๆ

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย

ร่วมสร้างสังคมปลอดบุหรี่